วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไม้สักทอง (Golden Teak)


               เป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ปัจจุบันเป็นไม้หวงห้ามโดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศพม่า เนื้อไม้สีน้ำตาลเหลืองทองเนียนละเอียด เสี้ยนตรงเป็นระเบียบ สอดแทรกด้วยสีน้ำตาลเข้มสวยงามเด่นชัด แข็งแรง ทนทาน
               เนื้อไม้สักทองจะมีน้ำมัน ซึ่งเป็นสารที่เป็นพิษต่อปลวก และเห็ดราบางชนิด ทนต่อกรด ไม่ทำให้เหล็กเป็นสนิม แต่ต้องเป็นไม้สักทองที่มาจากป่าธรรมชาติ เนื้อไม้ค่อนข้างอ่อนทำให้ขึ้นรูปและทำงานค่อนข้างง่าย ทนทานต่อการเข้าทำลายเนื้อไม้จากปลวกมอด เป็นไม้ที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ สำมารถนำใช้ได้ทุกส่วนในการสร้างบ้านตั้งแต่เสา พื้น ไปจนถึงหลังคา นอกจากนั้น ยังทนทาน ทนแดด ทนฝน ปลวกไม้ชอบ สีสวย ใช้ทำเครื่องเรือนได้ดีที่สุด อายุการใช้งานยาวนาน



 คุณสมบัติของไม้
ความแข็งแรงของผิวหน้า (Janka hardness test)                1.155 lbF.
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อตอกตะปู                           ดี
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อไขตะปูควง                       ดี
การติดกาว                                                                             ดี
ความกว้างมาตรฐาน : 4" (90mm) หรือ 5"(125mm)
ความยาวมาตรฐาน   : 300-1,200 mm.





ไม้สักทอง (Golden Teak) ไม้ในประเทศ

ไม้สักทอง (Golden Teak)


               เป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ปัจจุบันเป็นไม้หวงห้ามโดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศพม่า เนื้อไม้สีน้ำตาลเหลืองทองเนียนละเอียด เสี้ยนตรงเป็นระเบียบ สอดแทรกด้วยสีน้ำตาลเข้มสวยงามเด่นชัด แข็งแรง ทนทาน
               เนื้อไม้สักทองจะมีน้ำมัน ซึ่งเป็นสารที่เป็นพิษต่อปลวก และเห็ดราบางชนิด ทนต่อกรด ไม่ทำให้เหล็กเป็นสนิม แต่ต้องเป็นไม้สักทองที่มาจากป่าธรรมชาติ เนื้อไม้ค่อนข้างอ่อนทำให้ขึ้นรูปและทำงานค่อนข้างง่าย ทนทานต่อการเข้าทำลายเนื้อไม้จากปลวกมอด เป็นไม้ที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ สำมารถนำใช้ได้ทุกส่วนในการสร้างบ้านตั้งแต่เสา พื้น ไปจนถึงหลังคา นอกจากนั้น ยังทนทาน ทนแดด ทนฝน ปลวกไม้ชอบ สีสวย ใช้ทำเครื่องเรือนได้ดีที่สุด อายุการใช้งานยาวนาน



 คุณสมบัติของไม้
ความแข็งแรงของผิวหน้า (Janka hardness test)                1.155 lbF.
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อตอกตะปู                           ดี
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อไขตะปูควง                       ดี
การติดกาว                                                                             ดี
ความกว้างมาตรฐาน : 4" (90mm) หรือ 5"(125mm)
ความยาวมาตรฐาน   : 300-1,200 mm.





วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

การอบแห้ง (Kiln Dry)

 ไม้ทุกชนิดที่มีการนำมาใช้งานไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ตาม ควรผ่านกระบวนการอบแห้งซะก่อน เพื่อลดความชื้นที่มีอยู่ในเนื้อไม้ ที่ทำให้เกิดการหด หรือขยายตัวของเนื้อไม้ทำให้เกิดการโก่ง บิดตัว สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างไม้

โดยที่การอบแห้งนั้นมีอยู่ 2 แบบ
  1. แบบแอร์ดราย (Air Dry) 
  2. แบบอบความร้อนด้วยระบบสูญญากาศ

แบบ แอร์ดราย (Air Dry)
เรียกแบบภาษาชาวบ้านคือแบบผึ่งลม นั่นเอง เป็นการทำไม้ แห้งด้วยการตากลมโดยที่ตากแดด ปล่อยให้ความชื้นในเนื้อไม้ค่อยๆ ระเหยไปเอง  จนความชื้นในเนื้อไม้เหลือ 15-16% ซึ่งบ้านเรากำหนดความชื้นในไม้ไว้ที่ประมาณ 10-12% ถ้าใครคิดจะลองวิธีการนี้ ต้องใช้เวลาเป็นปีเลยทีเดียวเพื่อให้ไม้แห้ง แต่วิธีการนี้จะช่วยทำให้ไม้ไม่เกิดการบิดตัวเลยเพราะเป็นการค่อยๆปล่อยให้ไม้นั้นแหงเองตามธรรมชาติ ถ้าเกิดรอนานไม่ไหวก็สามารถใช้วิธีการอบได้ซึ่งจะใช้เวลา 1-2 วัน เท่านั้น แต่มีข้อเสียคือ การอบนั้นเหมือนเป็นการไปเร่งเอาน้ำออกมาจากเนื้อไม้ ทำให้ไม้เกิดการบิดตัว และอาจเสียรูปได้


แบบอบความร้อนด้วยระบบสูญญากาศ
การอบความร้อนวิธีการนี้เป็นวิธีอีกทางหนึ่ง เพื่อดึงความชื้นออกมาจากเนื้้อไม้ เพื่อให้ไม้ที่นำไปใช้ไม่เกิดการโก่งงอ บิดตัว เป็นการใช้ความร้อนเร่งทำให้ความชื้นในเนื้อไม้แห้งตามมาตรฐานความชื้นที่กำหนดไว้ โดยวิธีการจะนำไม้ไปอบด้วยความร้อนที่กำหนดประมาณ 100 องศาเซลเซียส ด้วยระบบสุญญากาศ คือ การดูดอากาศจนกระทั่งอากศภายในตูที่ใช้อบไม้ รวมถึงอากาศจากในเนื้อไม้ออกจนหมดสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เป็นการทำลายมดหรือแมลงต่างๆที่อาจจะมากับไม้ไปจนหมด

ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับสำหรับการทำเราจะนำไม้มาใช้ประโยชน์ ยังมีวิธีการปรับปรุงคุณภาพไม้ยังอีก 2ขั้นตอนในการปรับปรุงคุณภาพไม้
การอบความร้อนแบบพิเศษ (Heated Treatment)
การอัดน้ำยา
จึงจะได้ไม้ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ




การอบไม้ (Wood Drying)

การอบแห้ง (Kiln Dry)

 ไม้ทุกชนิดที่มีการนำมาใช้งานไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ตาม ควรผ่านกระบวนการอบแห้งซะก่อน เพื่อลดความชื้นที่มีอยู่ในเนื้อไม้ ที่ทำให้เกิดการหด หรือขยายตัวของเนื้อไม้ทำให้เกิดการโก่ง บิดตัว สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างไม้

โดยที่การอบแห้งนั้นมีอยู่ 2 แบบ
  1. แบบแอร์ดราย (Air Dry) 
  2. แบบอบความร้อนด้วยระบบสูญญากาศ

แบบ แอร์ดราย (Air Dry)
เรียกแบบภาษาชาวบ้านคือแบบผึ่งลม นั่นเอง เป็นการทำไม้ แห้งด้วยการตากลมโดยที่ตากแดด ปล่อยให้ความชื้นในเนื้อไม้ค่อยๆ ระเหยไปเอง  จนความชื้นในเนื้อไม้เหลือ 15-16% ซึ่งบ้านเรากำหนดความชื้นในไม้ไว้ที่ประมาณ 10-12% ถ้าใครคิดจะลองวิธีการนี้ ต้องใช้เวลาเป็นปีเลยทีเดียวเพื่อให้ไม้แห้ง แต่วิธีการนี้จะช่วยทำให้ไม้ไม่เกิดการบิดตัวเลยเพราะเป็นการค่อยๆปล่อยให้ไม้นั้นแหงเองตามธรรมชาติ ถ้าเกิดรอนานไม่ไหวก็สามารถใช้วิธีการอบได้ซึ่งจะใช้เวลา 1-2 วัน เท่านั้น แต่มีข้อเสียคือ การอบนั้นเหมือนเป็นการไปเร่งเอาน้ำออกมาจากเนื้อไม้ ทำให้ไม้เกิดการบิดตัว และอาจเสียรูปได้


แบบอบความร้อนด้วยระบบสูญญากาศ
การอบความร้อนวิธีการนี้เป็นวิธีอีกทางหนึ่ง เพื่อดึงความชื้นออกมาจากเนื้้อไม้ เพื่อให้ไม้ที่นำไปใช้ไม่เกิดการโก่งงอ บิดตัว เป็นการใช้ความร้อนเร่งทำให้ความชื้นในเนื้อไม้แห้งตามมาตรฐานความชื้นที่กำหนดไว้ โดยวิธีการจะนำไม้ไปอบด้วยความร้อนที่กำหนดประมาณ 100 องศาเซลเซียส ด้วยระบบสุญญากาศ คือ การดูดอากาศจนกระทั่งอากศภายในตูที่ใช้อบไม้ รวมถึงอากาศจากในเนื้อไม้ออกจนหมดสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เป็นการทำลายมดหรือแมลงต่างๆที่อาจจะมากับไม้ไปจนหมด

ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับสำหรับการทำเราจะนำไม้มาใช้ประโยชน์ ยังมีวิธีการปรับปรุงคุณภาพไม้ยังอีก 2ขั้นตอนในการปรับปรุงคุณภาพไม้
การอบความร้อนแบบพิเศษ (Heated Treatment)
การอัดน้ำยา
จึงจะได้ไม้ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ